ดวงไฟในมือมาร (อักษรา) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ดวงไฟในมือมาร
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

 

 

เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั้งบริเวณสร้างความสนุกสนานครื้นเครงให้กับบรรดานักท่องราตรี  ในขณะเหยี่ยวราตรีทั้งหลายต่างส่งเสียงร้องรำทำเพลงพร้อมกับยักย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะดนตรีที่เร้าอารมณ์

ยามดีเจพูดหยอกล้อมักมีเสียงหวีดร้องของผู้คนดังระงม  จนแทบกลบเสียงเพลงที่กำลังดังกระหึ่มจนแยกไม่ออกว่าเสียงโห่ร้องเป็นของเพศใดบ้าง  ในมุมสลัวเล็กๆ ข้างห้องน้ำมีหญิงชายอยู่คู่หนึ่งกำลังยืนนัวเนียแลกจูบกันอย่างเร่าร้อน

“วิกกี้พี่จันทร์กับพี่กิตหายไปไหนแกรู้มั้ย”                                                                          

เสียงใสๆ ของหญิงสาวตะเบ็งถามเพื่อนที่กำลังนั่งแกว่งนิ้วอย่างสบายอารมณ์อยู่ข้างๆ แข่งกับเสียงอึกทึกของจังหวะดนตรีกำลังดังกระหึ่ม

“เห็นบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ”

หญิงสาวผมหยิกสลวยแต่งหน้าจัดจ้านหยุดแกว่งนิ้วเอียงตัวเข้าไปใกล้ๆ แล้วตะเบ็งเสียงตอบกลับไป

“เอ...เห็นไปตั้งนานแล้วนี่...อะไรกันแค่เข้าห้องน้ำมันใช้เวลานานขนาดนี้เลยเหรอ...มัวไปทำอย่างอื่นอยู่ล่ะสิ...เดี๋ยวฉันไปตามดีกว่าอยากกลับบ้านแล้ว”

พอพูดจบหญิงสาวร่างระเหิดระหงก็ผุดลุกขึ้นทันที  ด้วยความรีบร้อนและรอบด้านแออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากมาย  จึงทำให้เจ้าของร่างสูงประมาณ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร  ชนเข้ากับร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจังขณะกำลังเดินเลียบผ่านโต๊ะด้านข้าง

“อุ๊ย!”

หญิงสาวอุทานพร้อมกับเซไปด้านหลังเล็กน้อยจนทำให้ส้นรองเท้าเล็กแหลมกดลงบนปลายเท้าของชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างช่วยไม่ได้ 

ดวงหน้าสวยหวานหากดวงตามีแววร้ายกาจตวัดสายตาขึ้นมอง  ชายหนุ่มแปลกหน้ากำลังยืนหน้าตึงเฉียงหัวไหล่ไปไม่ถึงคืบด้วยสายตาแสดงออกถึงความไม่พอใจ จนคนเพิ่งได้รับบาดเจ็บเริ่มเคืองกับแววตำหนิในดวงตาคู่สวยที่มองราวกับตัวเขาเป็นคนผิด

พอเห็นคนยืนอยู่ตรงหน้าเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งแต่งตัวเลิศหรูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเธอจึงยักไหล่น้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก

“ขอโทษนะน้องชนพี่จังๆ แบบนี้  ถามจริงเถอะใจคอไม่คิดจะขอโทษ เลยหรือไง”

ชายหนุ่มแปลกหน้าคว้าแขนกลมกลึงแล้วดึงเข้าหาตัว เมื่อหญิงสาวหันเผชิญหน้ามือที่กำลังบีบอยู่เบาๆ ก็คลายออกก่อนจะพิศดวงหน้าสวยหวานคล้ายกำลังประเมินมูลค่าของสิ่งของ

“ขอโทษ... ”

เพอเห็นประกายตาของอีกฝ่ายมองมาอย่างจาบจ้วง  หญิงสาวจึงเอ่ยเพียงสั้นๆ แล้วสะบัดหน้ามองไปทางหลังร้านก่อนจะเบ้ปากพร้อมกับยักไหล่โดยไม่คิดใส่ใจหันกลับไปมองคู่กรณีแต่อย่างใด 

“เฮ้ย! น้องพ่อแม่ไม่ได้สั่งสอนมาเหรอว่า  เวลาขอโทษใครมันต้องแสดงความจริงใจออกมาด้วยไม่ใช่แค่พูดออกมาห้วนๆ แบบนั้น”

ชายหนุ่มตะเบ็งเสียงอย่างเอาเรื่องเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาสวยหวานราวกับตุ๊กตากำลังแสดงท่าทางอวดดีใส่ตน

“อ้าวพี่โย่งคนเขาก็ขอโทษไปแล้วพี่จะเอายังไงอีก”

ดวงหน้ากระจ่างใสแต่งแต้มสีสันอ่อนๆ หันขวับไปจิกตาใส่คู่กรณีอีกครั้ง  และประกายตาวาวโรจน์ที่ฉายชัดออกมานั้น  ก็ทำให้หลายคนเริ่มเป็นห่วงว่าพ่อหนุ่มร่างโย่งจะมีชะตาชีวิตเป็นปกติไปได้อีกสักกี่นาที

“ถ้าจะหาเรื่องกับ  พี่ว่าน้องกลับบ้านไปหานมกินดีกว่ามั้ง...น้องรู้ไหมว่าพี่...ลูกใคร”

“บอกตัวเองดีกว่าไหม  ว่าแต่ไอ้ที่ถามน่ะ...ทำพ่อแม่หายเรอะ...ขนาดตัวเองยังไม่รู้เลยว่าเป็นลูกใครแล้วคนอื่นจะรู้ไหม”

หญิงสาวถามกลับน้ำเสียงยียวนก่อนจะยักไหล่ทำท่าเหมือนไม่สนใจสักนิดกับท่าทางวางกล้ามของคนตรงหน้า  แม้รู้ความหมายดีว่าสิ่งที่เจ้าหนุ่มจอมกร่างกำลังแสดงอำนาจกรายๆ นั่นแท้จริงคืออะไร

“คือ...ง่ายๆ เลยน้อง พี่ไม่ชอบให้ใครมาเหยียบตีน  โอเคไหม”

น้ำเสียงทุ้มตะเบ็งขึ้นนั้นกำลังแสดงออกได้เป็นอย่างดีว่า  คนพูดไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษแต่อย่างใด 

“ก็คนไม่ได้ตั้งใจให้ขอโทษก็ขอโทษไปแล้วจะเอายังไง  อีกอย่างในนี้ทั้งแคบทั้งมืดจะมีชนกันบ้างเหยียบเท้ากันบ้างมันก็หยวนๆ น่า”

“น้องหยวนแต่พี่ไม่หยวนมีอะไรไหม”

 “แล้วจะเอาไง…”

เมื่อเห็นว่าเจ้าโย่งหน้าหล่อไม่ยอมปล่อยให้เรื่องจบลงง่ายๆ หญิงสาวจึงยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยประกายตาแสดงออกชัดเจนว่า  ‘เอาวะวันนี้ตายเป็นตายพริบพันดาวซะอย่างมีเหรอจะกลัวบาทา...ใคร’

“ก็ไม่เอาไงแต่จะบอกให้ว่าเวลาคนอย่างพี่เจ็บมันก็ต้องมีการปลอบใจ”

ชายหนุ่มจ้องดวงหน้าหวานละมุนก่อนจะไล่มองสำรวจเรือนร่างระหงตรงหน้าด้วยประกายตาที่หญิงสาวรู้สึกอยากตั้นหน้าหล่อๆ สักหมัดสองหมัด

“อ้อต้องการคนโอ๋งั้นเรอะ...เฮอะอ่อนชะมัดเลยคนอะไร”   พริบพันดาวแขวะพร้อมกับเบะปากดูแคลนฝ่ายตรงข้าม

“ปลอบในความหมายของพี่มีแต่เรื่องบนเตียงเท่านั้นรู้ไว้ซะ”

ชายหนุ่มแปลกหน้าหรี่ตามองร่างระเหิดระหงด้วยแววตาหื่นกระหาย  จนเส้นเอ็นบนขาของหญิงสาวเริ่มกระตุก

“อ้าว...พูดแบบนี้มันแกว่งปากหาตีนนี่หว่า...”

พูดไม่ทันขาดคำเท้าเรียวก็ยันโครมเข้าไปหน้าท้องของเจ้าโย่งชะตาขาด  จนเป้าหมายหงายหลังเซไปชนกับคนกำลังยืนยักย้ายส่ายสะโพกอยู่โต๊ะข้างๆ จนล้มระเนระนาดไปคนละทิศคนละทาง

โครม ! เพล้ง ! กรี๊ด!

เสียงโครมครามและเสียงหวีดร้องของผู้หญิงที่ดังขึ้น  หยุดทุกความเคลื่อนไหวของคนในบริเวณนั้นไปชั่วขณะ  พร้อมกับเสียงเพลงดังกระหึ่มก็พลันหยุดลงโดยอัตโนมัติ  เพราะดีเจเห็นผู้คนแตกฮือหลบฉากตีวงออกไป จนเหลือพื้นที่ว่างเป็นวงกว้างขนาดพอเหมาะให้มวยคู่ใหม่คลุกวงในได้ตามสะดวก

“เฮ้ย! ไอ้ดาว!”

หญิงสาวผมหยิกกระโดดพรวดเข้าไปหาเพื่อนสาวที่กำลังยืนตาขวางเป็นผีเข้า  แล้วยึดแขนเจ้าหล่อนไว้เมื่อเห็นว่าแม่สาวฝ่าเท้ามรณะกำลังทำท่าจะถลาเข้าไปกระทืบคู่กรณีอีกสักตุ้บให้หายโมโห

“ทำแบบนี้ได้ไงวะ!”

พ่อหนุ่มหน้าหล่อลุกขึ้นชี้หน้าตวาดน้ำเสียงกราดเกรี้ยวจะเอาเรื่องให้ได้โดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าคนที่ตนกำลังชี้หน้าอยู่ในสถานะของเพศใด

“ฉันไม่เตะผ่าหมากแกก็นับว่าเป็นบุญแล้วไอ้หื่น...”

พริบพันดาวชี้นิ้วพร้อมกับตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราดอย่างเอาเรื่องไม่ต่างกัน

“อย่าตีกันคร้าบ...อย่าตีกัน...”

ดีเจตะโกนห้ามเมื่อเห็นว่ามีสุภาพบุรุษนายหนึ่งกำลังยืนแยกเขี้ยวเตรียมงับหัวสุภาพสตรีอีกนางหนึ่งอยู่กลางวงซึ่งนักเต้นคนอื่นๆ ตีกรอบเอาไว้ให้

“หุบปากไปเลยไอ้ดีเจ!  ใครไม่เกี่ยวถอยไป!”

สุภาพบุรุษนิรนามตะโกนโหวกเหวกพร้อมกับดึงปืนออกจากเอวเพื่ออวดความมีอิทธิพล จนไม่มีใครกล้าเข้าไปแทรกแซงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์

“ดาวกลับเหอะ อย่างมีเรื่องกันเลย เพราะถ้าแกมีเรื่องอีกเตี่ยแกจับฉันกระทืบแน่”

วิกานดาเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปดึงแขนเพื่อนและรั้งไว้  ก่อนจะกระซิบชวนให้ลี้ภัย  เมื่อเห็นมัจจุราชสีดำทะมึนในมือของอีกฝ่ายส่ายไปมาจนน่าหวาดเสียว 

“จะให้กลับยังไงแกลองแหกตาดูสิว่าไอ้โย่งนั่นมันเอาเรื่องขนาดไหน”

“แกนี่มันยังไงพาออกมาเที่ยวทีไร  ไม่โดนไล่กระทืบก็โดนไล่ปล้ำ  คราวหน้าฉันว่าเราเข้าวัดเข้าวาเถอะเพื่อนเจอแบบนี้บ่อยๆ บอกตรงๆ ฉันเหนื่อย”      วิกานดาส่ายหน้าที่มีแววกังวลและเบื่อหน่ายไปมา

“อ้าวเห็นฉันเป็นคนยังไงไอ้วิกกี้ แกก็เห็นว่าฉันอยู่ของฉันดีๆ”   คนถูกว่าหันหลังกลับไปถลึงตาพร้อมกับแก้ต่างให้ตัวเอง

“ไอ้ดาว ก็ถ้าแกรู้จักยอมคนสักนิดมันก็ไม่คุกรุ่นขนาดนี้หรอก...ไปๆ กลับบ้าน”   วิกานดาคว้าหมับไปที่แขนของเพื่อนแล้วออกแรงดึงให้ล่าถอย

“แกลองไปถามไอ้โย่งสิว่ามันจะยอมปล่อยฉันไปดีๆ ไหม”

พริบพันดาวโบ้ยปากไปทางชายหนุ่มหน้าหล่อที่กำลังเท้าสะเอวอยู่เบื้องหน้าอย่างเซ็งๆ...

“เฮ้อ!...ฉันล่ะเชื่อแกเลยไอ้ดาวคราวนี้ไปเหยียบตีนลูกใครเขาเข้าอีกล่ะ”

คนถูกชี้ชวนถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย 

“พวกมึงจะมายืนหาเตี่ยเรอะไปลากผู้หญิงคนนั้นมา...”

ก่อนที่หญิงสาวทั้งสองจะทันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเสียงห้วนๆ ของคู่กรณีก็ตะเบ็งขึ้น

“ครับ...คุณดนุ”

ชายหนุ่มร่างใหญ่ในชุดสีดำสามคนโค้งตัวอย่างนอบน้อม  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นองอาจเมื่อตรงเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสอง

เพล้ง!

ชายร่างใหญ่เดินไปยังไม่ถึงสามก้าวก็ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงแก้วกระทบกับวัตถุที่แข็งกว่า

“ถ้าพวกแกก้าวเข้ามาอีกแค่ก้าวเดียว  ฉันสาบานว่าไอ้นี่จะเข้าไปประดับอยู่บนร่างกายของพวกแก”

พริบพันดาวหยิบขวดฟาดกับโต๊ะและชูอาวุธคมวาวขึ้นข่มขู่

 

เสียงเพลงเงียบฉับโดยฉับพลัน  ช่วยปลุกหญิงสาวอีกคนที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่กับรสจูบอันวาบหวามในมุมสลัว  จนเธอต้องยุติช่วงเวลาอันแสนรัญจวนไว้เพียงแค่นั้น  ดวงตาหลับพริ้มปรือขึ้นก่อนจะเหลือบไปทางฟลอร์  แล้วเบิกกว้างอย่างตระหนกเมื่อเห็นเรือนร่างปราดเปรียวคุ้นตา  ยืนในท่าเตรียมพร้อมประกาศศึกอยู่ไม่ห่าง

 “ว้าย!... พี่กิต...ยัยดาวเอาอีกแล้ว”

 “อืม...ช่างก่อนไม่ได้หรือทูนหัว”

แม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะตระหนกสุดขีด  แต่ชายหนุ่มที่กำลังอิ่มเอมกับห้วงเวลาของความหฤหรรษ์  กลับแนบริมฝีปากเข้าชิดกับริมฝีปากอิ่มอันฉ่ำชื้นอย่างเสน่หาไม่รู้เบื่อ

“อื้อ...พอก่อนค่ะ...รีบไปห้ามทัพก่อนดีกว่าเกิดมีเรื่อง เดี๋ยวเตี่ยเอาตายเราไปกันเถอะค่ะ”

หนึ่งจันทร์ขยับตัวอย่างเสียดาย  ในขณะขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่เพราะบทหวามหวานเมื่อครู่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม  ชนิดต่างคนต่างปรนเปรอจนแทบจะรวมร่างกันเลยทีเดียว

“เฮ้อ! คราวหน้าพี่ว่าเราหาเวลาไปเที่ยวกันสองคนดีกว่าไหม...พาน้องดาวมาด้วยทีไรบรรลัยตลอด  อุตส่าห์พาน้องจันทร์มาเปลี่ยนบรรยากาศสร้างความตื่นเต้น...อารมณ์กำลังได้เลย”   ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย 

“ก็เพราะพี่นั่นแหละคิดพิเรนทร์อยากจะมาเปลี่ยนบรรยากาศที่นี่แล้วเป็นไงกรุ่นดีไหมล่ะ”

หนึ่งจันทร์หันไปค้อนแฟนหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยที่คิดอยากมาเปลี่ยนบรรยากาศให้กับตัวเอง  เพราะเริ่มเบื่อหน่ายกับบทรักในกรอบของความถูกต้อง

“เอาน่าไม่ใช่ครั้งแรกเสียเมื่อไร...จันทร์ก็ชอบไม่ใช่เหรอกับความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้”  คนพูดหรี่ตามองอย่างรู้เท่าทัน

“ตื่นเต้นก็ตอนน้องจะโดนกระทืบนี่แหละไปกันเถอะ...คราวหน้าต่อให้อ้อนยังไงก็ไม่พามาด้วยหรอก...ถ้าคืนนี้ขึ้นโรงพัก  เห็นทีจันทร์คงโดนเตี่ยด่าจน หูชาอีกแน่ๆ”

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงชัดว่าทั้งเซ็งทั้งหวั่นเมื่อมองเห็นปัญหาใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามา  ก่อนจะผละออกจากมุมสลัวแล้วเดินเนิบนาบไปตามทางเดินแคบๆ ซึ่งผู้คนเริ่มเบียดกันเป็นกระจุกตามจุดที่คิดว่าตนจะปลอดภัย

กิตติทัตเดินตามแฟนสาวไปด้วยท่าทีไม่ได้เร่งรีบสักเท่าไร  ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ เพราะนึกขบขันกับความเจ้าอารมณ์และไม่ยอมคนของว่าที่น้องภรรยา แม้จะเห็นอาวุธในมือของชายหนุ่มร่างโย่งแต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกหรือรู้สึกกังวลแต่อย่างใดเพราะเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยเสียจนเขาชินชา

ด้วยรู้ดีว่า...ผู้หญิงอย่างร้อยเอกหญิงพริบพันดาวมีหรือจะหวั่นเกรงกับอาวุธในมือของอีกฝ่าย  และความที่เป็นบุตรสาวคนเล็กของเจ้าสัวใหญ่เจ้าของห้างสรรพสินค้าอันมั่งคั่งไหนเลยจะเกรงกลัวกับอิทธิพลของใคร  หรือแม้กระทั่งความเสียหายที่จะตามมา


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (78 รายการ)

www.batorastore.com © 2024