จ้าวพสุธา (บุญญรัตน์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

กันยายน ๑๘๗๘

มันคือแผ่นดินที่กว้างใหญ่จนจดขอบฟ้ากระจ่างอยู่ใต้แสงแรง

กล้าของดวงอาทิตย์ที่ร้อนระอุ บางแห่งเป็นร่องน้ำลึกซึ่งแนวตลิ่งสูงชัน ทุ่งหญ้าเหยียดตัวนับเป็นไมล์ ๆ ในทุกทิศทาง แผ่นฟ้าสีครามสดดูจะกดให้มันแบนราบลง แต่ทว่าท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ก็ยังพลิ้วระยับราวลอนคลื่นแห่งท้องทะเล ความแผ่ไพศาลของมันนั้นจับหัวใจของผู้ที่เข้มแข็งนัก ขณะเดียวกันก็ข่มผู้อ่อนแอให้สยบลง

ม้าสองตัวผงาดขึ้นเหนือสันเขา ตามติดมาด้วยม้าต่างและหยุดยืนอยู่เหนือแผ่นดินอันกว้างใหญ่แห่งนี้ของมอนตาน่า รูปร่างที่ล่ำสันบึกบึน อานขนาดใหญ่เป็นสองเท่า ปืนสั้นที่เหน็บไว้ และหมวกโคบาลที่สวมอยู่รวมทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ตลอดถึงสัมภาระที่ขนมาบนหลังม้าต่างนั้น บอกให้รู้ว่าบุรุษทั้งสองเป็นชาวเท็กซัส คราบไคลของฝุ่นที่จับเกาะอยู่บนเสื้อผ้าและขนม้า บอกให้รู้ถึงการเดินทางอันยาวนานที่ผ่านมา

ทั้งคู่เหยาะม้าลงมาตามแนวเนินเรื่อย ๆ และหยุดลงอีกครั้ง เมื่อพบว่า ยังมองไม่เห็นขอบฟ้าที่จดลงสู่พื้นดิน เสียงจากอานดังขึ้น เมื่อบุรุษร่างสูง เหวี่ยงร่างลงยังพื้นดินอย่างว่องไว ม้าหน้าด่างขาวตัวที่เขาขี่มาส่งเสียงร้องคำรามก่อนที่จะซุกจมูกลงในพงหญ้า

ลักษณะของเขาเป็นคนกระดูกใหญ่ ล่ำสันบึกบึนและองอาจนัก, เชส เบนทีน คอลเดอร์ใช้เรือนร่างที่สูงเกือบ ๖ ฟุต ข่มเพื่อนร่วมเดินทางให้ต่ำเตี้ยลงถนัด เป็นเรือนร่างที่ประกอบขึ้นด้วยมัดกล้ามแข็งแรง แผ่นอกหนา ไหล่กว้าง ช่วงขาสมสัดส่วน และวัย ๒๖ ปีของชีวิตที่ผ่านมา ได้ฝากความโชกโชนไว้บนใบหน้าและเห็นได้ชัดในดวงตาสีเข้ม มีรอยบาง ๆ พาดอยู่เหนือ

 

จมูกกับแผลเป็นบนขมับทางด้านขวา ประสบการณ์ที่ผ่านมาปรากฎอยู่บนริมฝีปากที่ปิดสนิทและความระแวดระวังในทุกอิริยาบถ ยิ่งกว่านั้น แสงแรงกล้าแห่งดวงอาทิตย์ได้เติมความคลํ้าลงบนผิวพรรณของเขาอย่างเห็นได้ชัด

เขายังคงจับสายบังเหียนของม้าหนุ่มหน้าด่างตัวนั้นไว้ ขณะที่มันก้มลงกัดกินหญ้าอย่างสำราญใจ เสียงขบเคี้ยวหญ้าของเจ้าม้าตัวนั้นทำให้เขาต้อง ก้มลงมองหญ้าต้นสั้น ๆ ที่ขึ้นอยู่เกือบจะติดดิน

มันเป็นหญ้าเลี้ยงควายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความทนทานต่อดินฟ้าอากาศอย่างไม่มีหญ้าชนิดใดจะเสมอเหมือน ความร้อนไม่อาจจะทำให้ มันตายได้ และความหนาวเย็นของอากาศในฤดูหนาวกลับจะทำให้มันกลาย เป็นหญ้าแห้งชนิดดี แม้แต่กีบเท้าของปศุสัตว์ที่เหยียบย่ำก็ไม่อาจทำลายมันลง กล่าวกันว่าหญ้าสั้น ๆ นี้สามารถที่จะใช้เลี้ยงสัตว์ได้ดีเป็นพิเศษ และเพิ่มน้ำหนักให้ได้อีกถึง ๒๐๐ ปอนด์ เมื่อครู่ที่ผ่านมาทั้งคู่ได้ขี่ม้าผ่านท้องทุ่งกว้าง ซึ่งมีหญ้าสูงและอวบใหญ่กว่าหญ้าที่เรียกว่า ‘บั๊ฟฟาโล่ กราส’ นี้ จนยอดของมันปัดอยู่กับโกลนม้า

ฝูงควายซึ่งเป็นปศุสัตว์ของท้องถิ่นครั้งหนึ่งเคยอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งนี้ และแล้วก็เกือบจะต้องสูญพันธุ์ไปด้วยนักล่าต้อน ขณะเดียวกัน ก็ถอยทั้งแผ่นดิน เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในที่ซึ่งลึกกว่า ทั้งนี้เนื่องมาจากกฎหมายที่ประกาศใช้จาก รัฐบาลในกรุงวอชิงตัน เพื่อที่จะขับไล่ชาวอินเดียนซึ่งครอบครองแผ่นดินนี้อยู่ และเข้าครองมันตลอดไป เมื่อปีที่แล้ว ในวันที่ ๕ ตุลาคม ๑๘๗๘ , ชีฟ โจเซฟ แห่งเนซ เพิร์ซได้ยอมศิโรราบต่อกองกำลังทางทหารหน่วยแบร์ พอว์ เม้าเท่นส์ และแล้วพวกพื้นเมืองกับกองกำลังที่เหลือส่วนใหญ่ได้หลบหนีสู่แคนาดา หลังจากที่ได้รับความกดดันจากหลายฝ่าย รวมทั้งเจ้าของไร่ปศุสัตว์ และทางการรถไฟ ในที่สุด รัฐบาลก็ยินยอมเปิดพื้นที่ บริเวณนี้จึงยังว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดจับจองเป็นเจ้าของ

เชส เบนทีน คอลเดอร์กวาดตาไปทั่วท้องทุ่งอันกว้างไกล ด้วยสายตาที่แหลมคมกับความคิดที่ลึกซึ้ง และแล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ตรงร่างของเพื่อนร่วมเดินทาง ซึ่งขณะนี้กำลังนั่งพักอย่างสบายอารมณ์อยู่บนหลังม้า ทั้งเขาและเพื่อนคือคนหนุ่มที่มีประสบการณ์ในการล่าวัวลองฮอร์นขึ้นไปทางเหนือของรัฐคันซัสและเหนือขึ้นไปกว่านั้น ขณะนี้เพิ่งจะเสร็จจากการต้อนปศุสัตว์ของไร่เทน บาร์ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฟอร์ต เวิร์ธ ในรัฐเท็กซัส ไปส่งยัง

 

 

ไร่ปศุสัตว์นอกเมืองไวโอมิ่ง ม้าตัวที่เขาและเพื่อนขี่อยู่ รวมทั้งม้าต่างนั้น มีตราของไร่เทน บาร์ประทับอยู่บนสะโพกทุกตัว

การเดินทางมาถึงแผ่นดินแห่งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่เชส เบนทีน คอลเดอร์ กับบาร์นี่ เพื่อนร่วมเดินทางของเขาได้ไปหยุดพักที่เมืองดอดจ์ ซิตี้ และ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดกันถึงแผ่นดินของชาวอินเดียนแดงในรัฐมอนตาน่า ซึ่งได้ถูกปล่อยทิ้งให้รกร้างไว้ และทำให้ความสนใจของเบนทีนผุดพุ่งขึ้นมาทันที ยิ่งกว่านั้นคนงานในไร่นอกเมืองไวโอมิ่งก็ยังได้เอ่ยยํ้าถึงท้องทุ่งกว้าง ซึ่งรัฐบาลได้เปิดขึ้นเป็นพื้นที่อิสระทางตอนเหนือของมอนตาน่าอีกด้วย ดังนั้นแทนที่ขากลับเขาจะมุ่งตรงไปยังเท็กซัส เบนทีนจึงได้ใช้ทางอ้อมเพื่อจะมอง แผ่นดินผืนนั้นให้เห็นด้วยสายตาของตัวเอง โดยมีบาร์นี่ติดตามมาด้วย

ทะเลหญ้ากว้างใหญ่ไพศาลที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเหมือนดังที่เขามาดหมาย ไว้ว่าจะได้เห็น และเป็นยิ่งกว่านั้น มันสามารถเร้าความปรารถนาที่จะได้เป็นเจ้าของ ยิ่งเสียกว่าพื้นที่ราบในไวโอมิ่งหรือโคโลราโด ต้นหญ้าเขียวชอุ่มบอก ถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ และเหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์ยิ่งนัก

มันจะต้องมีปรากฏการณ์ตื่นตัวขึ้นในการที่จะได้เข้าเป็นเจ้าของครอบครองแผ่นดินแห่งนี้ ท้องทุ่งกว้างอันอิสระนั้น เปรียบประหนึ่งเสียงกระซิบของคำว่า ‘ทอง’ เข้าไปในหูของทุกผู้คน และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะในบางแห่ง ทุ่งหญ้าเริ่มเป็นสีทองบ้างแล้ว ฤดูร้อนได้ช่วยบ่มให้หญ้าทุกต้นเป็นสีเหลืองทอง และความเย็นเยือกของอากาศในฤดูใบไม้ร่วงก็จะฉาบไล้สีเหลืองเข้มลงบนยอดหญ้าซึ่งปกคลุมเนื้อที่นับเป็นร้อย ๆ ตารางไมล์ และพื้นที่แห่งนี้ก็จะไม่เป็นความลับอยู่ได้อีกนานนัก เพราะในเวลาอันไม่ช้า ก็จะมีผู้คนที่ใคร่จะแสวงหาผลประโยชน์จากมันมุ่งหน้าเข้าสู่ รวมทั้งพวกเจ้าของไร่ปศุสัตว์ผู้มองการณ์ไกล ซึ่งจะละทิ้งงานอื่น ๆ หาทางเข้ามาครอบครองมันไว้จนได้ แต่เบนทีนได้ตกลงปลงใจแล้วในขณะนี้ ว่าเขาจะต้องได้มันมาก่อนที่เจ้าพวกแมลงสาบเหล่านั้นจะมาถึง

“ฉันคิดว่าที่นี่ ใช่แล้ว บาร์นี่” รอยยิ้มบนใบหน้าของเบนทีนเยือกเย็น และมาดมั่น

“ใช่” บาร์นาบาส มัวร์ไม่จำเป็นต้องอธิบายต่อในคำตอบรับประโยคนั้น มีความสำคัญที่เป็นหลักอยู่ ๓ ประการในการที่จะสร้างไร่ปศุสัตว์ขึ้น คือ พื้นที่ดิน หญ้า และน้ำ กับส่วนประกอบอันเป็นเสมือนเกราะกำบังตาม

 

ธรรมชาติที่จะป้องกันพายุร้ายในฤดูหนาว ณ ที่นี่คือแผ่นดินอันเต็มไปด้วย ความอุดมสมบูรณ์ มีต้นพลัม และโช้ค เชอร์รี่เป็นดงช่วยเป็นเกราะกำบังอย่างดียิ่ง และเหนือขึ้นไปทางอาณาเขตด้านทิศเหนือ คือแม่น้ำสายใหญ่ ซึ่งซอกซอนผ่านเข้าไปในที่ดินรกร้างแห่งนี้

ด้วยการกระชับสายบังเหียนมั่นไว้ในมือ เบนทีนเหวี่ยงร่างขึ้นสู่อานม้า อีกครั้ง บังคับให้มันเดินนำม้าต่างไปทางด้านริมฝั่งน้ำที่เป็นป่าคอตตอนวู้ด และ บาร์นี่ก็ออกตามไปอย่างรวดเร็ว

“ดูนั่นสิ” บาร์นี่พยักหน้า ศีรษะที่สวมหมวกปีกกว้างเบือนไปทางด้านแนวตลิ่ง ซึ่งถูกทำลายลงด้วยสายน้ำและแรงลม ตรงจุดที่แนวหินต่อกับแนวดินเป็นทางลาดลงนั้น ที่เป็นรอยตะเข็บอยู่คือถ่านหินสีดำสะท้อนอยู่ในแสงอาทิตย์

“เราไม่มีวันขาดเชื้อเพลิงแน่”

ตรงบริเวณแนวตสิ่งที่ไม่มีต้นไม้ขึ้นเลยนั้น คือทรัพยากรสำคัญ อันจะเป็นประโยชน์แก่การใช้สอยในวันข้างหน้า เบนทีนจารึกมันลงไว้ในความทรงจำ ขณะที่เขาและเพื่อนเคลื่อนตัวชักม้าให้เหยาะย่างไปตามแนวตลิ่งเรื่อย ๆ

ฤดูร้อนได้ลดกำลังของสายน้ำลง จนเป็นเพียงสายธารที่ไหลเอื่อย ตรงแอ่งก้นลำธารที่ค่อนข้างตื้นนั้นน้ำใสสะอาดดุจแก้วผลึก แต่ถึงอย่างไร มันก็คือน้ำ...น้ำซึ่งเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตทั้งคน สัตว์ และมวลพฤกษชาติให้ชุ่มชื้นอยู่เป็นนิจนิรันดร์กาล

เบนทีนปล่อยให้สายบังเหียนพาดอยู่กับปุ่มอานข้าง ๆ เขา บาร์นี่กำลังล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตหยิบห่อยาเส้นกับกระดาษออกมา เป็นที่แน่แก่ใจสำหรับเบนทีนแล้วว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสำรวจพื้นที่ในท้องทุ่ง อันกว้างใหญ่แห่งรัฐมอนตาน่านี่อีกต่อไป

ในคลองจักษุของเขาคือความกว้างใหญ่ไพศาลอันหาขอบเขตมิได้ มีพร้อมทั้งหุบเขา แนวเนิน สายน้ำลำธารซึ่งไหลผ่านเข้าไปให้ความชุ่มชื้นแก่แผ่นดิน มีทั้งสายแร่ในตอนเหนือขึ้นไป และกับท้องฟ้าสีครามใส นี่คือ อาณาจักรที่จะคงอยู่ชั่วกาลนาน

และดูราวกับแผ่นดินแห่งนี้ก็ได้ร้องรับ ราวจะให้คำมั่นสัญญากับเขาเช่นกัน มันอาจจะฟังเหมือนคนบ้าที่คิดไปว่าแผ่นดินยิ้มพยัก และขับลำนำอันไพเราะให้เขาฟังอยู่ แต่มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เสียงพึมพำของธารน้ำประหนึ่ง

 

ท่วงทำนองเพลงที่ประสานอยู่ด้วยเสียงลมที่โชยเฉื่อยลงมาตามแนวเนิน ไกวแกว่งกิ่งไม้ใบหญ้าทั่วทั้งแนวทุ่ง ยอดหญ้าสะบัดตัวโอนเอนไปในท่วงทำนองนั้น ราวจะกำลังเริงระบำ ใบแห้งของคอตตอนวู้ดระริกร่วงลงมาจากก้านวิลโลว์ ไหวโอนอยู่ริมฝั่งน้ำ

ลึกลงไปในดวงความคิด เบนทีนสามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในมโนจักษุ มองเห็นภาพปศุสัตว์ที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ด้วยหญ้าชนิดพิเศษที่ขึ้นอยู่ ตามธรรมชาติ มองเห็นคอกสัตว์ขนาดใหญ่คํ้ายันไว้ด้วยเสาคานอันมหึมาแข็งแกร่ง บ้านไร่หลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเตี้ย ๆ ที่สามารถจะมองเห็นอาณาบริเวณโดยทั่วไปได้อย่างชัดเจน แน่นอนมันจะยังมิใช่ตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม แต่ทว่า...จะต้องเป็น...ในสักวันหนึ่งข้างหน้า และประการสำคัญก็คือ ทั่วผืนแผ่นดินนี้มีเนื้อที่มากมาย มากจนเกินพอสำหรับที่จะคิดหายใจ...และสร้างความฝันได้...และจะต้องใช้ความอุตสาหะวิริยะอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ความฝันนั้นมันกลายเป็นจริงขึ้นมา

เบนทีนรู้จักงานหนักมาแล้วเป็นอย่างดี และเป็นงานหนักที่ทำมาชั่วชีวิตเพื่อคนอื่นโดยตลอด แต่ขณะเดียวกันเขาก็มิได้ทำเพียงให้มันผ่านไปเพียงวันเท่านั้น แต่จะสังเกตและพยายามเรียนรู้งานนั้น ๆ ให้มากที่สุด นอกเหนือจากเงินที่ได้มาจากการเอาแรงกายเข้าแลก และประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น มันเหมือนกับการเตรียมตัวไว้ให้พร้อมสำหรับวันนี้ วันที่เขาได้ย่างม้าเข้ามาบนผืนแผ่นดิน ซึ่งเขารู้ว่าจะได้ใช้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ได้อย่างดียิ่ง เป็นแผ่นดินที่จะทำให้สิ่งที่เขาได้กำหนดไว้ในใจกลายเป็นความจริงขึ้นมา และ ณ ที่นี้ละ ที่เขาจะสร้างความสลักสำคัญขึ้น เพื่อให้มันได้จำหลักอยู่ชั่วกาล

ความสำนึกที่ว่า บัดนี้ ตัวเองได้มาพบสถานที่อันใช้เป็นเรือนตายแล้ว ก่อให้เกิดความปราโมทย์อย่างสุดซึ้ง มันเป็นแผ่นดินที่จะต้องเป็นของเขาแต่ผู้เดียวโดยแท้ นี่ละที่จะเป็น ‘แผ่นดินของคอลเดอร์’ ต่อไปในวันข้างหน้า

“ฉันจะยึดพื้นที่ตามแนวฝั่งน้ำนี่ละ” เขาพูดขึ้นขณะที่บาร์นี่เลียบุหรี่ที่มวนขึ้นอยู่ไปมา

คนที่มืออาชีพเลี้ยงปศุสัตว์ทุกคนรู้ดีว่า การเข้าครอบครองตามแนวริมฝั่งน้ำนั้น สามารถจะทำได้ในอาณาเขต ๑๖๐ เอเคอร์ โดยประมาณเอาว่า ให้ห่างจากสองฟากฝั่งด้านละ ๑๐ ไมล์ หรือไกลพอที่ฝูงปศุสัตว์จะเดินลงมากินน้ำได้ และหักโค้งออกไปได้ในระยะอีก ๑๐ ไมล์ บาร์นี่นั้นเห็นด้วยอยู่แล้วว่า

 

 

ถ้าเบนทีนสามารถที่จะหาสถานที่เหมาะสมในการที่จะสร้างไร่ปศุสัตว์ขึ้น เขาก็จะยึดครองที่ดินต่อตามแนว และจะยกให้กับเบนทีนในสักวันหนึ่งข้างหน้า การที่มีที่ดินเพิ่มขึ้นอีก ๑๖๐ เอเคอร์นั้นสามารถจะทำให้เขาหายใจได้อย่างสะดวก และถ้ามีโอกาสในวันข้างหน้า มันก็อาจจะตามมามากกว่านั้น

เท็กซัสได้สร้างให้เบนทีนรู้จักขอบเขตและผู้คน แม้ในวัยเด็กเขาจะเกิด ในยุคที่มีสงครามกลางเมือง แต่ทว่าเขาก็ได้พบเห็นการเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากการปฏิรูปการปกครอง...คนบางคนเท่านั้นที่สามารถจะเรียกได้ว่าเป็นคนดีและมีคนอื่นมากหลายที่ทำให้เขาเสียความตั้งใจ สถานที่แห่งนี้แหละจะเป็น ที่เริ่มต้นของชีวิตใหม่อย่างดียิ่ง

“ขอให้ฤดูใบไม้ผลิมาถึงก่อนเถอะ ฉันจะตั้งคอกปศุสัตว์ขึ้นที่นี่” เบนทีน เอ่ยขึ้นลอย ๆ ขณะที่บาร์นี่ใช้มือป้องลมไว้ โน้มร่างลงจุดบุหรี่กับเปลวไฟที่พลุ่งโพลงขึ้นมา “ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ฉันจะกลับมาในฤดูร้อนปีหน้า แกคิดว่าจะรออยู่จนกว่าจะถึงเวลานั้นได้ไหม”

“น่าจะได้” บาร์นี่อัดบุหรี่แรง ๆ เขามือายุอ่อนกว่าเบนทีน ๒ ปี “แล้วแกคิดว่าพ่อของแกจะคิดยังไงล่ะ”

สายตาของเบนทีนเลื่อนลอยไปไกล ปลายหางตาย่นเป็นรอย

“ไม่รู้” สีหน้าคลํ้า ๆ ด้วยเปลวแดด ที่แผดเผาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเคร่งขรึมขึ้น โดยเฉพาะตรงสันกราม “ไอ้ไร่เทน บาร์นั้นทำให้แกท้ออยู่ไม่น้อย แต่พ่อก็เป็นคนหัวดื้ออย่างร้ายนะ”

พ่อของเขาคือ เซต คอลเดอร์จัดว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง เป็นคนเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวมาก และน่าจะทำให้ตัวเองกลายเป็นคนสำคัญขึ้นมาได้ แต่ทว่ามันก็มีจุดบอดอยู่ คือหาจุดยืนที่แน่นอนให้กับตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ควรจะปล่อยวางจากสิ่งที่สูญสลายหรือตายไปแล้ว สงครามระหว่างรัฐได้สงบลงหลายปีมาแล้ว แต่กระนั้นพ่อของเขาก็ยังยืนยันถกเถียงในเรื่องสิทธิของรัฐทางภาคใต้ ยังยืนยันความเชื่อที่ว่า ลินคอล์นได้โยนวิถีทางการเมืองลงครอบคลุม ไว้เหนือความเป็นจริงและสิทธิแห่งรัฐ แล้วก็รีบถอนตัวออกก่อให้เกิดปัญหา เรื่องการเลิกทาสขึ้น แต่ถึงอย่างไรการแสดงความคิดเห็นคัดค้านในเรื่องนี้ก็ทำให้พ่อมีความสำคัญขึ้นมาได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อสู้กับกฎหมายในการปฏิรูปรัฐเท็กซัส

การสนับสนุนแก่รัฐทางใต้นั้นแทบจะทำให้เซตต้องล้มละลายขายตัว

 

พยายามดิ้นรนที่จะสร้างไร่ปศุสัตว์ที่ทันสมัยที่สุดขึ้นให้ได้ แต่แล้วก็เพื่อจะถูกกวาดลงเมื่อเกิดจลาจลขึ้นที่เรียกว่า ‘แบล็ก ไฟรเดย์' ในปานิค, ไร่เทน บาร์ของ จูด บอสตันได้รับการป้องกันไว้จากความเสียหายทั้งปวง แต่ขณะเดียวกัน เซต คอลเดอร์ก็ต้องขายปศุสัตว์ไปจนหมด แต่จูด บอสตันกลับซื้อเพิ่มมากขึ้น จนในที่สุด เทน บาร์ก็สามารถกลืนไร่ทั้งไร่ของเซต คอลเดอร์ไป เหลือที่ไว้ให้ เซต คอลเดอร์พอหายใจได้เท่านั้น ไม่มากพอที่จะสร้างไร่ปศุสัตว์ให้ใหญ่โตได้สมใจนึก แต่เขาก็จะไม่มีวันถอยหลัง

แต่กับอีกประการหนึ่งคือ เซต คอลเดอร์ไม่ยอมล้มเลิกความคิดว่า สักวันหนึ่งภรรยาผู้จากไปจะต้องหวนกลับมาหาเขาอีกครั้ง เบนทีนแทบจะใช้ชีวิตในวัยเด็กทั้งหมดเฝ้ารอการกลับมาของแม่ซึ่งไม่เคยได้กลับมาอีกเลย แม่เป็นคนเลือกชื่อนี้และตั้งให้เขา...เชส เบนทีน คอลเดอร์ ซึ่งแต่แรกเกิด เชสเป็นชื่อสกุลก่อนการสมรสของเธอ และเบนทีนเป็นชื่อของญาติสนิท ส่วนชื่อท้ายของเขานั้นรู้กันก็เฉพาะแต่คนที่รู้จักเท่านั้น แม้แต่ในวัยเด็กทุกคนก็เรียกเขาว่า เบนทีน

เมื่อเชสอายุได้ ๖ ขวบ แม่ได้หนีตามผู้ชายชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งไป ซึ่งดูเหมือนบุคคลผู้นี้จะได้รับเงินค่าใช้จ่ายประจำเดือนจากครอบครัวชาวอังกฤษของตนเพื่อมิให้กลับไปเหยียบบ้านอีก พ่อมักจะกล่าวอ้างอยู่เสมอว่า ผู้ชายคนนี้หลอกลวงเอาแม่ไป ขณะที่ออกเดินทางไปทัศนาจรทั้งในนิว ออลีนส์, ซาน ฟรานซิสโก, ลอนดอนและยุโรป ทุ่มเทให้แม่ทั้งเสื้อผ้าแพรพรรณและ เครื่องเพชรและแม้ว่าเวลาจะได้ล่วงเลยไปถึง ๒๐ ปีแล้ว แต่เซตก็ยังเชื่อว่า สักวันหนึ่ง ภรรยาของเขาจะต้องกลับมาหาสามีและลูก แต่เชสไม่เหมือนพ่อ เพราะเขาไม่ต้องการให้แม่กลับมาอีกเลย

มันจะต้องมีเวลาอยู่บ้าง สำหรับมนุษย์เราที่จะรู้ว่าช่วงไหนที่ควรจะอดทนและต่อสู้ กับในบางครั้งที่จะต้องตัดใจและหันหลังหนีเสีย เบนทีนได้มองเห็นในสิ่งเหล่านี้ แต่ก็สงสัยอยู่ว่าพ่อจะเคยเห็นบ้างหรือไม่

ในเท็กซัสนั้น มันมีความทรงจำมากมายจนเหลือที่จะจดจำทั้งสิ่งในอดีต และชีวิตกับสิ่งแวดล้อมที่ดำเนินไปในปัจจุบัน แต่สักวันหนึ่งเมื่อถึงวัน ‘พรุ่งนี้’ เขาจะได้เข้ามาอยู่ในอาณาบริเวณแห่งรัฐมอนตาน่า

“แล้วเรื่องลอร์น่าล่ะ จะว่าอย่างไร” ความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างเขา กับเพื่อนทำให้บาร์นี่กล้าพอที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวของเบนทีนได้

 

 

 

 

“เราจะแต่งงานกันในฤดูใบไม้ผลิ ก่อนที่จะย้ายฝูงปศุสัตว์ขึ้นมาทางตอนเหนือนี่” เบนทีนตอบเรียบ ๆ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรอกันต่อไป บัดนี้ เบนทีนได้พบแผ่นดินที่พร้อมจะสร้างอนาคตในวันข้างหน้าเรียบร้อยแล้ว เพราะสิ่งนี้เองทำให้เขาสามารถจะกำหนดนัดหมายวันเวลาที่จะแต่งงานกับลอร์น่า เพิร์ซได้ ดวงตาคู่ฉลาดเฉลียวบอกความแน่วแน่

“ถ้าฉันจะออกจากเท็กซัสในคราวหน้า ก็หมายถึงว่าจะไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเท่านั้น” บัดนี้เชส เบนทีน คอลเดอร์ตั้งใจแล้วว่าจะตัดเชือกจากทุกอย่างที่เกิดและเป็นอยู่ที่นั่น ไม่สนใจอีกต่อไปว่าจะต้องทิ้งอะไรไว้เบื้องหลังบ้าง...


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (78 รายการ)

www.batorastore.com © 2024